วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องห่านกับไข่ทองคำ



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…ชาวนาคนหนึ่งได้ไปยังรังห่านของเขา
แล้วพบไข่ฟองหนึ่งเป็นสีเหลืองส่องแสงแวววาวเมื่อเขาหยิบมันขึ้นมา…
ก็รู้สึกว่ามันหนักพอๆ กับตะกั่วเขานำมันกลับบ้าน…และทันใดก็พบว่ามันเป็นไข่ทองคำบริสุทธิ์ทุกเช้าเหตุกาลเดียวกันก็เกิดขึ้นและในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นคนมั่งมี…จากการขายไข่ทองคำ
เมื่อเขายิ่งร่ำรวยขึ้น…เขาก็ยิ่งโลภมากขึ้นและคิดหาทางที่จะได้ขายไข่ทั้งหมด…ที่ห่านสามารถให้ได้ในคราวเดียวเขาจึงฆ่ามัน…ผ่าทองมันแล้วเขาก็พบแต่ความว่างเปล่า…!
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความโลภ…ไม่เคยให้ความมั่งมีแก่ใคร”
ดั่งคำสุภาษิตไทยที่ว่า “โลภมาก ลาภหาย” นั่นเอง

เรื่องไก่กับพลอย



พ่อไก่หนุ่มตัวหนึ่งพร้อมกับฝูงแม่ไก่กำลังคุ้ยเคี่ยอาหารหากินอยู่ที่ลานดิน ใกล้ๆกับทุ่งนาขณะที่มันกำลังคุ้ยดินอยู่นั้นได้พบกับพลอยเม็ดงามส่องประกายเม็ดหนึ่งมันจึงเอ่ยขึ้นว่า“ถ้านายมาพบเจ้าละก็ เขาจะต้องเก็บเจ้าขึ้นไปแน่ทีเดียวเพราะเจ้ามีค่าสำหรับเขา แต่สำหรับข้า เจ้าไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อยอันที่จริง…ข้าวสักเมล็ดนั้น…ยังจะมีค่ามากกว่าเจ้าพวกเพชรพลอยทั้งหมดในโลกเสียด้วยซ้ำ “แล้วพ่อไก่ก็เลิกสนใจหันไปคุ้ยเคี่ยอาหารของตนต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนที่รู้ความต้องการของตนจะมีความสุข…คนฉลาดชอบสิ่งที่จำเป็น
…มากกว่าเครื่องประดับอันระยิบระยับที่ไม่มีค่าอันใด…
นอกจาก ก่อให้เกิดความเย่อหยิ่งและความฟุ้งเฟ้อ”

เรื่องเจ้าชายกับแมว



นานมาแล้ว มีเจ้าชายผู้กล้าหาญ และสง่างามพระองค์หนึ่งประทับอยู่ในวังแห่งหนึ่ง
เจ้าชายทรงโปรดปรานแมวที่เลี้ยงไว้ จนไม่ปรารถนาที่จะอภิเษกกับเจ้าหญิงองค์ใด
ส่วนแมวตัวนั้นก็หลงรักเจ้าชายจนไม่เป็นอันกินอันนอนเพราะมันรู้ว่าไม่อาจสมหวังในความรักนี้ได้…
นิทานอีสปสำหรับเด็ก_เจ้าชายกับแมว
เจ้าแมวเฝ้าแต่ร้องคร่ำครวญ จนวันหนึ่งนางฟ้าแห่งความรัก ได้ปรากฏกายขึ้น
“เจ้าแมวที่น่าสงสาร มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” นางฟ้าถาม
“ข้ารักเจ้าชายมากแต่ต้องสิ้นหวัง เพราะข้าเป็นแค่แมวตัวหนึ่งเท่านั้น” มันตอบนางฟ้าสงสารจึงบอกว่า“ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นเจ้าหญิงแสนสวยแต่เจ้าจะต้องละทิ้งสัญชาตญาณเดิมของเจ้า…ให้ได้ทั้งหมดนะ”“ข้าจะไม่มีวันแสดงให้ใครรู้ว่า…ข้าเคยเป็นแมวมาก่อน” แมวให้สัญญา“ดี!…เจ้าต้องทำตามสัญญาให้ได้…มิฉะนั้นร่างของเจ้าจะกลับกลายไปเป็นแมวตามเดิม” นางฟ้าย้ำ
นิทานอีสปสั้นๆ_เจ้าชายกับแมว
เมื่อแมวรับคำ…นางฟ้าก็ร่ายเวทมนตร์ทันใดร่างของแมวนั้นก็กลายเป็นเจ้าหญิงที่สวยงาม
เมื่อเจ้าชายได้พบกับเจ้าหญิงที่แปลงร่างมาจากแมวก็ทรงตกหลุมรักและขอแต่งงานด้วยในทันที
นิทานอีสปสอนใจ_เจ้าชายกับแมว
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหญิงไม่อาจละทิ้งสัญชาตญาณเดิมของเธอได้
ครั้งแรกเจ้าชายทรงแปลกใจ เมื่อเห็นเจ้าหญิงใช้เล็บข่วนที่ประทับจนขาดวิ่น
ต่อมาเจ้าชายทรงเห็นเธอปีนป่ายเล่นบนกำแพงวัง
นิทานอีสปเรื่องเจ้าชายกับแมว
จนในวันหนึ่ง เจ้าชายก็ทรงตกพระทัยมาก…เมื่อเห็นเธอคาบหนูไว้ในปาก แล้วกินมันเข้าไป
และยังไม่ทันที่เจ้าชายจะตรัสอะไรร่างของเจ้าหญิงก็พลันกลับกลายไปเป็น…แมว…ตามเดิม
เพราะมันไม่อาจละทิ้งความเป็นแมว…ตามที่เคยให้สัญญาไว้กับนางฟ้าไม่ได้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“พื้นเพนิสัย…และการกระทำเบื้องหลังที่แท้จริง…
ไม่ใช่สิ่งที่จะปกปิดกันได้ง่าย ๆ”

เรื่องสิงโตกันหมูป่า


นิทานเรื่อง สิงโตกับหมูป่าอากาศที่ร้อนจัดของวันหนึ่งในฤดูร้อนทำให้สัตว์ทั้งหลายรู้สึกกระหายน้ำไปตามๆกันสิงโตตัวนี้ก็เช่นกัน มันกำลังเดินออกไปหาน้ำดื่มสิงโตเดินตรงไปยังบ่อน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
นิทานอีสปสำหรับเด็ก_สิงโตกับหมูป่า
เวลานั้นมีหมูป่าที่กำลังหิวน้ำตัวหนึ่งเดินตรงมาที่บ่อน้ำแห่งนี้ด้วยเช่นกันสิงโตและหมูป่าจึงประจันหน้ากันที่ข้างบ่อน้ำนั้นทั้งคู่ต่างต้องการที่จะเป็นผู้ที่ได้ดื่มน้ำก่อน จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น
สัตว์ตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันวิ่งหนีอย่างอลหม่าน
นิทานอีสปสอนใจ_สิงโตกับหมูป่า
สิงโตและหมูป่า ต่างก็ต่อสู้กันอย่างไม่ลดละจนหมดเรี่ยวแรงด้วยกันทั้งคู่
นิทานอีสปก่อนนอนสอนใจ_สิงโตกับหมูป่า
ก่อนที่พวกมันจะลงมือต่อสู้กันอีกครั้ง…ทั้งสองก็เหลือบไปเห็นนกแร้งกลุ่มหนึ่งกำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้
และพากันจ้องมองมายังพวกมันอยู่
นิทานอีสปสั้นๆ_สิงโตกับหมูป่า
สิงโตจึงหันมาพูดกับหมูป่าว่า “ข้าว่าเราเลิกต่อสู้กันเถอะ”“เพราะไม่เช่นนั้น เราทั้งสองอาจกลายเป็นอาหารของเจ้าแร้งพวกนั้นได้”หมูป่าเห็นด้วยจึงตอบตกลงในทันที
จากนั้นสิงโตก็บอกให้หมูป่าดื่มน้ำก่อนและเมื่อทั้งคู่ดื่มน้ำจนพอใจแล้ว จึงเดินแยกจากกันไปด้วยดี
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“การประนีประนอม…ช่วยให้ปลอดภัยจากอันตราย”

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรื่องนกนางแอ่นเตือนภัย


เรื่องนกนางแอ่เตือนภัยนตัวหนึ่งอาศัยอยู่กับฝูงนกอื่นๆที่หมู่บ้านริมทุ่ง
วันหนึ่งนกนางแอ่นเห็นชาวไร่กำลังหว่านเมล็ดป่าน
ก็รีบบินกลับมาเตือนเพื่อนนกทั้งหลาย
เพราะเมล็ดป่านเหล่านี้ จะเติบโตเป็นต้นป่าน
ให้ชาวไร่นำมาถักเป็นตาข่ายและบ่วงดักนก
“พวกเจ้ารีบไปจิกกินเมล็ดป่านให้หมดเถอะ ก่อนที่มันจะงอกเป็นต้นอ่อน”
แต่พวกนกกลับไม่สนคำเตือนของนกนางแอ่น
จนกระทั้งเมล็ดป่านงอก นกนางแอ่นก็เตือนขึ้นอีกว่า
“พวกเจ้ารีบจิกกินต้นอ่อน ตอนนี้ก็ยังไม่สายจนเกินไปนะ”
พวกนกทำท่ารำคาญตวาดกลับไปว่า
“นี้เจ้านกนางแอ่น…ถ้ากลัวมากก็ไปหากินที่อื่นเสียสิ”
นิทานอีสป_นกนางแอ่นกับนกกระจาบ
นกนางแอ่นจึงบินจากไป
เมื่อต้นป่านโตเต็มที่ ชาวไร่ก็นำมาทำเป็นตาข่ายดักนก
พวกนกทั้งหลายต่างพลาดท่าบินไปติดตาข่าย
นกตัวหนึ่งสำนึกถึงคำเตือนของนกนางแอ่นจึงรำพันขึ้นว่า
“นี้ถ้าเราเชื่อนางแอ่นตั้งแต่แรก…ก็คงไม่ถูกจับอย่างนี้หรอก”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“อย่าเฝ้ารอให้ภัยมาถึงก่อน…จึงจะคิดแก้ไข”
การไม่สนใจคำเตือนเกี่ยวกับปัญหาหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ปล่อยให้ยืดเยื้อเรื้อรัง…สุดท้ายเมื่อสำนึกได้…ย่อมไม่อาจแก้ไขอย่างทันท่วงที…

เรื่องท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห ฉบับย่อ


สำหรับวันนี้ Bkkseek.com ขอนำเสนอนิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่องท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห เป็นแบบฉบับย่อ มาเล่าสู่กันฟัง ส่วนฉบับเต็มนั้นจะเป็นนิทานพื้นบ้านภาษาอีสาน ที่เนื้อเรื่องแบ่งเป็นตอนๆ ซึ่งก็จะนำมาเสนอในอกาสต่อไป นิทานพื้นบ้านเรื่องเจ็ดหวดเจ็ดไห นั้นเป็นเรื่องราวของเด็กชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีนิสัยการกินอาหารมากกว่าคนธรรมดา จนได้รับสมญานามว่า “ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห” ซึ่ง เป็นนิทานที่คนเฒ่าคนแก่ชอบเล่าให้ลูกหลานฟังสืบต่อกันมายาวนาน เป็นนิทานสอนใจไว้ได้ดีที่อ่านได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือจะเป็นนิทานเด็กอ่านเป็นนิทานก่อนนอนก็ได้
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน_นิทานเด็ก_ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห
แต่ว่าลูกอ่อนน้อยผิดแปลกธรรมดา …กินอาหารมากมายหลายล้น …คนเดียวได้กินไปเจ็ดหวด  …ยังอีกน้ำเจ็ดแท้ส่ำกัน
ครอบครัวหนึ่งมีลูกอยู่คนหนึ่งชื่อว่า “ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห” เป็นคนที่กินจุ กินข้าวหมดครั้งละเจ็ดหวด กินปลาร้าหมดครั้งละเจ็ดไห วันหนึ่งพ่อกับแม่ไปป่า ก่อนจะไปได้นึ่งข้าวไว้ลูกชายก็กินจนหมด เมื่อกลับบ้านพ่อแม่เห็นดังนั้นจึงปรึกษากันว่า ทำอย่างไรลูกจึงจะพ้นไปจากอกตน เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผู้เป็นพ่อจึงพาลูกไปคล้องช้างในป่า โดยหวังจะให้ช้างเหยียบลูกตาย ลูกกลับคล้องช้างได้จริงๆ ขี่ช้างกลับมาบ้าน ทำให้พ่อโกรธมาก…พ่อจึงพาลูกเข้าป่าไปตัดต้นไม้ใหญ่ โดยพ่อจะเป็นผู้โค่นให้ลูกเอาบ่ารับให้ได้ ลูกก็เอาบ่ารับต้นไม้…ไม้ใหญ่จึงล้มทับลูกชาย ลูกชายจึงร้องให้พ่อช่วย พ่อก็ไม่ช่วยหนีกลับบ้าน …พระอินทร์สงสารเลยลงมาช่วย …ลูกชายก็แบกต้นไม้กลับบ้านได้
นิทานพื้นบ้าน_นิทานเด็ก_นิทานสอนใจ_ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห
เมื่อไปถึงบ้านลูกจึงถามพ่อว่าจะให้ลูกวางไม้ไว้ตรงไหน พ่อบอกว่าให้วางไว้ที่ท่าน้ำลูกก็เอาไปวางไว้ …ขอนไม้นั้นขวางทางเรือสำเภาที่มาค้าขาย …พ่อค้าจึงประกาศให้คนไปช่วยยก โดยจะให้เสื้อผ้าที่บรรทุกสำเภามาเป็นรางวัล …ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไหไปยกขอนไม้นั้นได้จึงได้รับรางวัลจากพ่อค้ามากมาย …จึงหอบเสื้อผ้าที่พ่อค้าให้กลับบ้านไป…อาศัยอยู่กับพ่อแม่มีความสุขดังเดิม
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน_นิทานสอนใจ_ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
  1. “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม …แล้วทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อส่วนรวม …คุณก็จะอยู่ในที่นั้นๆได้อย่างมีความสุข”
  2. พึงชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ“…”พึ่งชนะความไม่ดี ด้วยความดี” ^^
  3. ความกตัญญูกตเวที” …นำมาสู่ซึ่งความสุข ความดีงามและความเจริญรุ่งเรือง

เรื่องกบกินเดือน


 นิทานล้านนาเรื่องกบกินเดือน
ในสมัยก่อนพระเจ้าเหา…มีครอบครัวหนึ่งได้ตั้งบ้านเรือนอยู่นอกเมือง ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ พ่อ แม่ ลูกสาวสองคน ในสมัยนั้นถ้าครอบครัวหไหนมีลูกสาวก็จะกได้รับการอบรมเรื่องภายในบ้านเกี่ยว กับการเป็นแม่บ้านที่ดี เช่น การจัดการบ้านการเรือน ความประพฤติ กิริยามารยาท ตลอดจนการทำอาหาร และในครอบครัวนี้ก็ได้อบรมในเรื่อง ต่าง ๆ ตามธรรมเนียมประเพณีต่อมาไม่นานทั้งสองคนก็สามารถที่จะทำได้อย่างชำนาญ
นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่องกบกินเดือน
วันหนึ่งพ่อแม่บอกให้ลูกสาวทั้งสองคนไปทำอาหารเพื่อจะได้ทดสอบดูฝีมือ ทั้งสองคนก็เข้าไปในครัวแล้วช่วยกันทำอาหารจนเสร็จ แต่ในตอนท้ายทั้ง 2 คน ก็ทดลองชิมดูรสอาหารที่ได้ทำมาแต่ด้วยรสอาหารไม่ถูกปากซึ่งกันและกัน ทั้งสองจึงโต้เถียงกันจนอดกลั้นไม่ไหว คนพี่จึงเอาทัพพี (ป้าก) ฟาดหน้าน้องสาว ส่วนน้องสาวก็เอาสาก (ไม้ตีพริก) ฟาดหน้าพี่สาวตัวเอง ต่อสู้กันจนตายคาที่
เมื่อทั้งสองตายไปแล้ว…ยมบาลได้นำเอาวิญญาณของทั้งสองไปพิพากษาและตัดสินว่า ‘’ ทั้งสองนี้ทำการอันน่าบัดสีมาก สมควรจะได้ตกนรกทั้ง 7 ชั้น ‘’ …เมื่อตกนรกไปแล้วก็ให้คนพี่ไปเกิดเป็นเดือน…ส่วนคนน้องไปเกิดเป็นกบ …เมื่อทั้งสองไปเกิดเป็นเดือนและกบก็ยังอาฆาตกันอยู่อีก เมื่อตอนกลางคืนได้มีโอกาสพบกันเข้าอีก ความอาฆาตแค้นก็เกิดขึ้น คนน้องจึงได้อ้าปากคาบเดือนคนพี่ไว้ดังที่เราได้เห็นอยู่นั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ทำให้เราทราบถึงในสมัยก่อนๆ มีขนบธรรมเนียมเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง …แต่ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่ไม่ดี…ที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เราไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างเพราะความอาฆาตแค้น และมีความเชื่อว่าตายแล้วขึ้นสวรรค์ได้-ตกนรกได้… ซึ่งเป็นการสอนเพื่อให้คนทำความดี…ไม่กล้าทำความชั่ว