วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเรื่องพิกุลทอง



นิทานพื้นบ้านไทยเรื่องพิกุลทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางที่มีเนื้อเรื่องสนุกสนานเพลิดเพลินและให้แง่คิดที่ดีจึงเป็นนิทานสอนใจเป็นนิทานก่อนนนอนและเป็นนิทานเด็กไว้สอนเด็กได้ในเรื่องการทำความดี ด้วยบอกเล่าผ่านนิทานพื้นบ้านของไทยเรา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวสวย คนหนึ่งชื่อว่า พิกุล” …กล่าวกันว่าเธอมีความสวยทั้งหน้าตาและ กิริยามรรยาท มารดาของเธอตายตั้งแต่เธอยังเล็กมาก ดังนั้นเธอจึงได้รับการเลี้ยงดูจากแม่เลี้ยงซึ่งเธอเองก็มีลูกสาวคนหนึ่ง ชื่อว่า มะลิ” …แต่ก็โชคร้ายที่ว่าทั้งแม่เลี้ยงและลูกสาวของเธอนั้นเป็นคนใจร้ายทั้งคู่จะบังคับให้พิกุลทำงานหนักทุกวันอยู่มาวันหนึ่งหลังจากตำข้าวเสร็จแล้วพิกุลก็ออกไปตักน้ำที่ลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนักในขณะเดินทางกลับทันใดนั้นก็มีหญิงชราคนหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพิกุลและขอน้ำเธอดื่มพิกุลดีใจมากที่ได้ช่วยหญิงชราคนนั้นเธอเอาน้ำให้หญิงชราและบอกให้เธอเอาน้ำไปอีกเพื่อจะได้ล้างหน้าและล้างตัวให้สดชื่นพิกุลบอกหญิงชราว่าไม้ต้องห่วงเพราะถ้าน้ำไม่พอเธอจะไปตักมาอีกหญิงชรายิ้มและกล่าวว่าเธอนี่นอกจากจะสวยแล้วยังใจดีอีกถึงแม้ว่าฉันจะดูยากจนและมอมแมมเธอก็ปฏิบัติกับฉันเป็นอย่างดี
หลังจากกล่าวชื่นชมพิกุลแล้วหญิงชราก็ให้พรวิเศษกับเธอและด้วยอำนาจของพรวิเศษนี้จะทำให้ดอกพิกุลทองคำร่วงออกมาจากปากของเธอเมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกสงสารใครหรือสิ่งใดหลังจากหญิงชราให้พรวิเศษแก่พิกุลแล้วก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของเธอพิกุลก็รู้ทันทีว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงผู้นั้นเป็นนางฟ้าจำแลงมาให้พรวิเศษแก่ตนทันทีที่กลับถึงบ้านช้าเธอก็ถูกแม่เลี้ยงดุด่าว่าไปเถลไถลเพื่อหนีงาน ดังนั้นพิกุลจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่เลี้ยงฟังพร้อมกับเกิดความรู้สึกสงสารในขณะเล่าจึงทำให้ดอกพิกุลทองคำร่วงออกมาจากปากของเธอด้วยแม่เลี้ยงจอมละโมบก็เปลี่ยนอารมณ์จากโกรธเป็นละโมบในทันทีพร้อมกับตะครุบดอกพิกุลทองทั้งหมดไว้ในขณะที่ปากก็สั่งให้พิกุลพูดต่อไปเรื่อยๆเพื่อสนองความละโมบของเธอนั่นเอง
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาแม่เลี้ยงของพิกุลก็เก็บรวบรวมดอกพิกุลทองคำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อนำไปขายและได้เงินมามากมายชีวิตทุกคนตอนนี้ก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพิกุลเองก็ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนแต่ก่อนแต่ก็ถูกบังคับให้พูดทั้งวันเพื่อให้ดอกพิกุลทองคำออกมาจากปากของเธอมากๆนั่นเองพิกุลทองอ่อนล้าไปกับการตอบสนองความละโมบของแม่เลี้ยงตอนนี้พิกุลเองเกิดเจ็บคอและกลายเป็นคน เสียงแหบเสียงแห้งไปเลยเธอพูดไม่ได้ไประยะหนึ่งอาการเช่นนี้ทำให้แม่เลี้ยงโมโหมากขึ้นจนถึงขั้นตบตี พิกุลเพื่อพยายามยังคับให้เธอพูดแต่พิกุลก็พูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว
        เพื่อตอบสนองความละโมบของตนตัวแม่เลี้ยงเองจึงตัดสินใจส่งลูกสาวของตนนามว่ามะลิไปทำตามอย่างพิกุลบ้างมะลิถูกส่งไปยังสถานที่เดียวกับที่พิกุลบอกไว้แต่ว่าแทนที่จะได้พบกับหญิงชราก็กลับเป็น พบหญิงสาวสวยสวมเสื้อผ้างดงามยืนอยู่ใต้ร่มใหญ่หญิงสาวผู้นั้นขอน้ำมะลิดื่มแต่ด้วยความริษยามะลิแสดงอาการโกรธและคิดว่าหญิงผู้นั้นไม่ใช่นางฟ้าเธอจึงปฏิเสธและใช้วาจาหยาบคายด่าทอนางฟ้าจำแลงดังนั้นนางฟ้าจึงสาปแช่งมะลิว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอโกรธและพูดออกมาแล้วไซร้ก็จะมีหนอนร่วงออกมาจากปากของเธอเมื่อกลับมาถึงบ้านมะลิก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่ฟังและด้วยความโกรธในขณะเล่าเรื่องนั้นก็ทำให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยตัวหนอนผู้เป็นแม่คิดว่าพิกุลอิจฉาลูกสาวของตนดังนั้นจึงแกล้งบิดเบือนเรื่องที่เล่าจึงเป็นเหตุให้ลูกสาวของตนไม่ได้พบกับหญิงชราแม่เลี้ยงจึงทุบตีพิกุลและไล่เธอออกจากบ้านไป
ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งพิกุลจึงท่องเที่ยวไปในป่าแต่เพียงลำพังโชคดีที่ว่าเธอเดินไปในทิศทางที่เจ้าชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการขี่ม้าประพาสป่ากับข้าราชบริพารผ่านมาพอดีเมื่อทอดพระเนตรเห็นสาวนั่งร้องไห้อยู่ทรงถามเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดทันทีที่พูดจบที่บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยดอกพิกุลทองคำ เจ้าชายดีพระทัยยิ่งนักจึงขอนางอภิเษกสมรสด้วยและหลังจากการอภิเษกสมรสทั้งสองพระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชย์และปกครองเมืองของพระองค์ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1.จากเค้าเรื่องนิทานนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของสำนวนไทยเปรียบเปรยคนที่ไม่ค่อยพูดหรือมักพูดอุบอิบอยู่แต่ในปากว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง
2. “การคิดดีทำดี ย่อมได้รับสิ่งที่ดีตอบสนองเสมอ” …อย่างเช่น พิกุล

9 ความคิดเห็น: